วันที่เผยแพร่ : 4 มี.ค. 2562 11:27 น.
วันที่เแก้ไข : 1 พ.ย. 2565 18:48 น.
PAT คืออะไร?
การสอบ GAT และ PAT เป็นระบบการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยด้วยระบบกลาง (Admissions) รูปแบบใหม่ที่เพิ่งเริ่มเปิดใช้ในปีพ.ศ. 2553 โดยทางที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ไดกำหนดขึ้นมาใช้แทนรูปแบบการสอบ A-net แบบเก่า
PAT ย่อมาจาก Professional and Academic Aptitude Test เป็นการทดสอบความถนัดทางวิชาชีพและวิชาการ ซึ่งเป็นความรู้พื้นฐานเฉพาะด้านในสาขาที่ต้องการจะเข้าศึกษาต่อที่ทางสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติได้จัดสอบขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 7 อย่างคือ
1. PAT 1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
2. PAT 2 ความถนัดทางวิทยาศาสตร์
3. PAT 3 ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์
4. PAT 4 ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์
5. PAT 5 ความถนัดทางวิชาชีพครู
6. PAT 6 ความถนัดทางศิลปกรรมศาสตร์
7. PAT 7 ความถนัดทางภาษาต่างประเทศ
– PAT 7.1 ภาษาฝรั่งเศส
– PAT 7.2 ภาษาเยอรมัน
– PAT 7.3 ภาษาญี่ปุ่น
– PAT 7.4 ภาษาจีน
– PAT 7.5 ภาษาอาหรับ
– PAT 7.6 ภาษาบาลี
ซึ่งข้อสอบ GAT และ PAT จะมีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในคณะที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเป็นผู้ออกข้อสอบ ลักษณะข้อสอบ PAT จะเน้นความซับซ้อนมากกว่าความยากมีทั้งแบบปรนัยและอัตนัยขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละวิชา
ในการสอบ PAT มีข้อกำหนดคือ ผู้ที่เข้าสอบต้องเป็นนักเรียนในชั้นม.5 – ม.6 หรือเทียบเท่า หรือจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าไปแล้ว โดยจะมีการเปิดสอบ 3 ครั้ง/ปี เสียค่าสมัคร 200 บาท คะแนนเต็ม 300 คะแนน ใช้เวลาในการสอบ 3 ชั่วโมง และสามารถเก็บคะแนนสอบได้นานถึง 2 ปี
GAT และ PAT ต่างกันอย่างไร…?
ทั้ง GAT และ PAT เป็นรูปแบบการสอบข้ามหาวิทยาลัยในระบบเดียวกัน เพียงแต่แยกออกเป็นคนละส่วนเนื่องจาก GAT เป็นการทดสอบความถนัดทั่วไปที่ต้องสอบทุกคนอยู่แล้ว แต่ PAT เป็นการทดสอบความรู้ทางวิชาชีพเฉพาะด้านที่ต้องสอบเฉพาะผู้ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในบางคณะ บางสาขาวิชาเท่านั้น
PAT เกี่ยวข้องอะไรกับ Admissions…?
PAT เป็นการสอบวัดระดับความรู้ทางวิชาการเฉพาะด้านของแต่ละสาขาวิชา ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการเข้าศึกษาต่อในแต่ละคณะที่มหาวิทยาลัยกำหนด เช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ต้องใช้คะแนนใน PAT 3 เพื่อเข้าศึกษาต่อ หรือคณะศึกษาศาสตร์ต้องใช้คะแนนใน PAT 5 เพื่อเข้าศึกษาต่อ เป็นต้น ซึ่งผลคะแนนที่ได้นั้นจะใช้ยื่นสมัครเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยทั้งในการรับตรง และระบบกลาง (Admissions) เพื่อเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย
ดังนั้น PAT เป็นรูปแบบการสอบเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย โดยเป็นการสอบความรู้ทางวิชาการและวิชาชีพเฉพาะด้านที่มีให้เลือกสอบถึง 7 สาขาวิชาด้วยกัน ซึ่งผู้ที่จะสอบนั้นต้องเป็นผู้ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในบางคณะ และบางสขาวิชาตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด แล้วจึงใช้ผลคะแนนสอบยื่นสมัครเพื่อเป็นเกณฑ์การพิจารณาในการเข้าศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย
ที่มา : www.เกร็ดความรู้.net
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ Student Care
ยึดมั่นธรรมาภิบาล ทำงานเพื่อการศึกษาไทย....